เมื่อวานนี้ สภาผู้แทนราษฎรรัสเซียหรือสภาดูมาได้ลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายปรับเพิ่มอายุสูงสุดสำหรับการเกณฑ์ทหารเป็น 30 ปี จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ที่ 27 ปี โดยมีมติเห็นชอบ 335 เสียง ไม่เห็นชอบ 13 เสียง และงดออกเสียง 28 เสียง อันเดร คราสนอฟ รองประธานคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงของสภาดูมาระบุว่า การเพิ่มเพดานอายุการเกณฑ์ทหารจะช่วยเสริมความมั่นคงให้กับประชาชนและแผ่นดินรัสเซีย
"อดิศร" ยินดี "ทักษิณ" กลับบ้าน เชื่อกลับมาเลี้ยงหลาน
“พิธา” ให้สัมภาษณ์ CNN ไม่เสียใจชูจุดยืนแก้ ม.112 คำพูดจาก สล็อต777
หลังจากได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรรัสเซียแล้ว ร่างกฎหมายฉบับนี้จะถูกส่งต่อไปให้สมาชิกวุฒิสภารัสเซียพิจารณา ก่อนจะถูกส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินลงนาม เพื่อเป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ หลายฝ่ายระบุว่า ร่างกฎหมายจะผ่านความเห็นชอบสมาชิกวุฒิสภาในเร็วๆ นี้ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม ปี 2024 หรือปีหน้า โดยชายรัสเซียที่มีอายุ 18-30 ปีจะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร
นอกจากนี้ ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังได้กำหนดข้อห้ามสำคัญเพิ่มเติม คือ ห้ามชายชาวรัสเซียที่ได้รับหมายเรียกเกณฑ์ทหารเดินทางออกนอกประเทศ ทั้งนี้ตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียได้ปรับโครงสร้างการส่งเอกสารหมายเรียกใหม่ ที่ช่วยให้การส่งหมายเกณฑ์ทหารไปยังประชาชนง่ายขึ้น ด้วยการส่งหมายเรียกผ่านระบบออนไลน์ได้ สำหรับผู้ที่ได้รับหมายเรียกแต่ไม่มารายงานตัวตามนัดจะถูกปรับเป็นเงิน 30,000 รูเบิลหรือราว 11,400 บาท
การประกาศเพิ่มเพดานอายุสำหรับการเกณฑ์ทหารที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ มีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียได้ขยายอายุกำลังพลสำรองสำหรับเข้าประจำการในกองทัพเป็น 55 ปี และขยายอายุเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงสำหรับประจำการเป็น 70 ปี
หลายฝ่ายมองว่าการใช้กฎหมายขยายกรอบอายุการเกณฑ์ทหารเป็นความพยายามของรัฐบาลรัสเซียเพื่อเพิ่มกำลังพลทำสงครามและปกป้องพื้นที่ทั้ง 4 แคว้นที่ยึดมาจากยูเครน รวมถึงอาจเป็นการหากำลังทหารเพิ่มเติมเพื่อทดแทนทหารที่เสียชีวิตในสมรภูมิต่างๆ บนแผ่นดินยูเครนด้วย ที่ผ่านมา ทางการรัสเซียเคยออกมายอมรับว่าสูญเสียทหารไปกว่า 6,000 นายจากสงครามที่ยืดเยื้อมากกว่า 17 เดือน
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวอาจไม่ใช่ตัวเลขความสูญเสียที่แท้จริง เพราะตามปกติทางการของทั้งรัสเซียและยูเครน จะไม่เปิดเผยจำนวนของทหารที่เสียชีวิตทั้งหมดท่ามกลางภาวะสงครามที่ยังดำเนินอยู่ เนื่องจากเป็นการบั่นทอนขวัญกำลังใจของทหารและอาจเสริมกำลังใจให้ศัตรู
อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สื่ออิสระของรัสเซียอย่างเมดูซาและมีเดียโซนา ได้เผยแพร่ผลงานวิจัยภายใต้ความร่วมมือกับดมิทรี โคบัค นักสถิติชาวเยอรมันจากมหาวิทยาลัยทูบิงเก็น เกี่ยวกับจำนวนทหารรัสเซียที่เสียชีวิตในสงคราม
งานวิจัยชิ้นนี้เปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี 2022 ถึงวันที่ 27 พฤษภาคม ปี 2023 รัสเซียสูญเสียทหารในสนามรบไปแล้วราว 40,000-55,000 นาย และจำนวนทหารรัสเซียที่เสียชีวิตทั้งหมดอาจเพิ่มขึ้นไปถึง 125,000 นาย ถ้านำจำนวนทหารที่บาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถกลับมารบได้เข้ามาคิดในสมการด้วย
ตัวเลขจากการประเมินของสำนักข่าวอิสระรัสเซียอสอดคล้องกับข้อมูลของหน่วยข่าวกรองสหราชอาณาจักรที่ประเมินเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า รัสเซียเสียทหารไปแล้วกว่า 40,000 นาย สอดคล้องกับเอกสารลับของสหรัฐฯ ที่รั่วไหลออกมาในช่วงเวลาเดียวกัน ที่ระบุว่ารัสเซียเสียทหารไปราว 35,000-43,000 นาย หลายฝ่ายมองว่าการขยายเพดานอายุการเกณฑ์ทหารของรัฐบาลรัสเซียคือ สัญญาณว่ารัสเซียจะไม่ยอมแพ้ในสงคราม และจะไม่ถอนกำลังออกจากแผ่นดินยูเครนจนกว่าจะบรรลุสิ่งที่รัฐบาลเรียกว่า “ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร”
อย่างไรก็ดี ในวันเดียวกันกับที่รัสเซียเตรียมเพิ่มกำลังพล พันธมิตรหลักของยูเครนอย่างสหรัฐฯ ได้ประกาศความช่วยเหลือชุดใหม่ให้แก่ยูเครนเช่นเดียวกัน
เมื่อวานนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศมอบความช่วยเหลือด้านความมั่นคงให้แก่ยูเครน คิดเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 14,000 ล้านบาท ความช่วยเหลือชุดนี้จะประกอบไปด้วยจรวดของระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออต และนาซาม รวมถึงจรวดขีปนาวุธของระบบไฮมาร์ส ตลอดจนอาวุธหนักอื่นๆ
นอกจากอาวุธหนักแล้ว ในความช่วยเหลือชุดนี้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังได้ส่งแบล็ก ออเน็ต (Black Hornet) โดรนสอดแนมขนาดเล็กจากบริษัทเทเลไดน์ เทคโนโลจีส์ให้แก่ยูเครนเป็นครั้งแรกอีกด้วย แบล็ก ออเน็ตเป็นโดรนสอดแนมขนาดจิ๋ว มีขนาดเล็กเพียง 16 เซนติเมตร น้ำหนักเพียง 33 กรัม ซึ่งมีขนาดเล็กกว่านกกระจอก บริเวณส่วนหัวของโดรนมีกล้อง 3 ตัวสามารถบังคับทิศทางได้ มีเซนเซอร์ตรวจจับความร้อน ทำให้ได้ภาพครอบคลุม ชัดเจน และเปิดผ่านมือถือแบบเรียลไทม์ได้ รวมถึงกันน้ำ กันไฟ และทำงานได้ในทุกสภาพอากาศ
ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ ทำให้โดรนแบล็ก ออเน็ตยากต่อการมองเห็น และสามารถสอดแนมฝ่ายรัสเซียได้ดีในสนามรบ จะช่วยให้ทหารยูเครนรู้พิกัดของทหารและอาวุธของรัสเซีย ตลอดจนเปิดฉากโจมตีหรือตั้งรับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลังจากสหรัฐฯ ประกาศมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธ เมื่อวานนี้ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้ออกมาแถลงขอบคุณสหรัฐฯ ที่ส่งมอบความช่วยเหลือชุดนี้ให้แก่ยูเครน
ขณะเดียวกัน ผู้นำยูเครนระบุว่าวันนี้จะมีการประชุมครั้งแรกของสภายูเครน-นาโต ซึ่งประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายหารือร่วมกันอยู่ในตอนนี้คือ ความมั่นคงในทะเลดำ หลังจากรัสเซียระงับข้อตกลงด้วยการไม่ต่ออายุเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา การออกจากข้อตกลงของรัสเซีย ทำให้ยูเครนต้องหาเส้นทางในการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรและธัญพืชระหว่างที่พื้นที่ทะเลดำถูกปิดตาย ไม่สามารถเดินเรือได้ และล่าสุดสหภาพยุโรปเตรียมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือยูเครนเพื่อให้ขนส่งธัญพืชไปยังตลาดโลกได้
เมื่อคืนที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของชาติอียู ได้ประชุมร่วมกันเพื่อหาทางออกประเด็นการส่งออกธัญพืชของยูเครน หลังรัสเซียระงับข้อตกลงทะเลดำและโจมตีคลังเก็บธัญพืชหลายแห่งที่แคว้นโอเดสซาในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ยานุสซ์ วอยเชียคอฟสกี กรรมาธิการด้านการเกษตรประจำสหภาพยุโรป ระบุว่า อียูพร้อมที่จะส่งออกผลิตผลทางการเกษตรเกือบทั้งหมดของยูเครนผ่านช่องทางที่เรียกว่า “solidarity lanes” และจะช่วยอุดหนุนเงินค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นด้วย
“solidarity lanes” เป็นการเชื่อมต่อการขนส่งทางรถไฟและทางถนนผ่านประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่มีพรมแดนติดกับยูเครน เช่น โปแลนด์และฮังการี รวมถึงโรมาเนีย เพื่อส่งออกไปยังพื้นที่ทางทะเล ตอนนี้บางประเทศสมาชิกอียู เช่น ลิทัวเนีย ได้ส่งหนังสือเสนอสหภาพยุโรปให้ใช้ทะเลบอลติกเป็นเส้นทางขนส่งธัญพืชของยูเครน
หากใช้เส้นทางนี้ ยูเครนจะต้องขนส่งธัญพืชของตนเองออกไปทางตะวันตกของประเทศผ่านโปแลนด์เพื่อไปยังท่าเรือทะเลบอลติก 4 แห่ง โดย 3 แห่งอยู่ในชายฝั่งโปแลนด์ คือ ท่าเรือชวินออุชเซีย ท่าเรือกดิเนีย และท่าเรือกดานสค์ ส่วนอีกแห่งคือ ท่าเรือไคลเปดา อยู่ในประเทศลิทัวเนีย นอกจากนี้ ยูเครนยังสามารถส่งธัญพืชไปยังประเทศโรมาเนียเพื่อส่งออกจากท่าเรือคอนสตันซาไปยังพื้นที่ทะเลดำได้ด้วย
อย่างไรก็ดี การส่งธัญพืชจากยูเครนไปยังประเทศปลายทางเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะรางรถไฟยูเครนมีขนาดความกว้างของรางต่างจากประเทศอื่นๆ ในยุโรป โดยรางรถไฟของยูเครนขนาดความกว้าง 1.520 เมตร ขณะที่ชาติยุโรปอื่นๆ มีขนาดความกว้างรางรถไฟของอยู่ที่ 1.435 เมตรเท่านั้น
ทำให้ยูเครนต้องขนถ่ายธัญพืชทุกขบวนจากตู้บรรทุกชุดหนึ่งไปยังอีกชุดหนึ่งที่ชายแดน ซึ่งจะเพิ่มราคาต้นทุนของธัญพืช นี่จึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้สหภาพยุโรปเล็งออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการขนส่งธัญพืชเมื่อคืนที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ บาร์บารา วูดเวิร์ด เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติได้ออกมาเตือนว่า ข้อมูลของสหราชจักรชี้ให้เห็นความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะโจมตีคลังธัญพืชของยูเครนมากขึ้น รวมถึงอาจโจมตีเรือขนส่งของพลเรือนในทะเลดำด้วย
นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับเหตุระเบิดคลังเก็บธัญพืชบริเวณท่าเรือเรนิและท่าเรืออิซมาอิลที่แคว้นโอเดสซาของยูเครนเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งท่าเรือดังกล่าวอยู่ติดแม่น้ำดานูบ ไม่ไกลนักจากชายแดนของประเทศโรมาเนีย ที่เป็นหนึ่งในชาติสมาชิกนาโต
เมื่อวานนี้ กระทรวงการต่างประเทศโรมาเนียได้ออกแถลงการณ์ว่า มีเรือของพลเรือนโรมาเนียหนึ่งลำได้รับความเสียหายจากเหตุโจมตีท่าเรือเมืองโอเดสซาเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยตัวเรือได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย สามารถแล่นต่อไปได้ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด